ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์และการโจมตีที่ใช้เทคนิคทางวิศวกรรมสังคมมีความซับซ้อนมากขึ้น มาตรการความปลอดภัยที่เน้นมนุษย์
		จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้การป้องกันทางเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญ แต่แนวป้องกันแรกและสำคัญที่สุดมักอยู่ที่การตื่นตัวและความรู้
		ด้านความปลอดภัยของแต่ละบุคคล หรือที่เรียกว่า "Human Firewall" กลยุทธ์ที่เน้นคนเป็นหลักนี้จะช่วยให้บุคคลมีความสามารถในการ
		เสริมสร้างความปลอดภัยในโลกออนไลน์ให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี
		 
	
		
		 
	
		Human Firewall คือกลุ่มบุคคลในองค์กรที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยเป็นชั้นป้องกันที่สำคัญนอกเหนือ
		จากการใช้เทคโนโลยี แนวคิดนี้เน้นบทบาทของพนักงานทุกคนในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ มากกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
		ด้วยการฝึกอบรมความรู้และทักษะด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างครอบคลุม พนักงานจะสามารถระบุและตอบโต้ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
		เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ และเทคนิคทางวิศวกรรมสังคมที่อาจทำให้ข้อมูลขององค์กรตกอยู่ในอันตรายได้
	
		 
	
		การสร้าง Human Firewall จำเป็นต้องมีการสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางดิจิทัลในทุกระดับขององค์กร
		ซึ่งจะเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นส่วนสำคัญของการป้องกันภัยคุกคามทางดิจิทัล แทนการพึ่งพาการแก้ปัญหาไซเบอร์อย่างเดียว
		การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก 95% ของการโจมตีทางไซเบอร์ที่สำเร็จนั้นเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ตามรายงานของ World Economic Forum ในปี 2022 นอกจากนี้ ในรายงานปี 2024 ยังคาดการณ์ว่าการพัฒนา AI จะเพิ่มความสามารถในการทำสงครามไซเบอร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
	
		 
	
		การผสมผสานแนวทางที่เน้นมนุษย์กับการป้องกันทางเทคโนโลยี ช่วยให้องค์กรสามารถเสริมสร้างความต้านทานต่อการโจมตีที่มุ่งเน้นมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดในโซ่การป้องกัน ความสามารถในการสร้าง Human Firewall ที่แข็งแกร่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มความยืดหยุ่นขององค์กร
		แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มาจากการหลอกลวงทางสังคม
		 
	
	
		 
	
		ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ที่เกี่ยวกับมนุษย์หลายวิธีในการโจมตีทางไซเบอร์ ได้แก่:
	
		     1. วิศวกรรมสังคม (Social Engineering): รวมถึงการหลอกลวงเช่นฟิชชิง, วิชชิง (การหลอกลวงทางเสียง), และสมิชชิง
		         (การหลอกลวงผ่าน SMS) ที่ทำให้ผู้ใช้ให้ข้อมูลสำคัญหรือทำการกระทำที่เป็นอันตราย
	
		     2. การหลอกลวงผ่านอีเมลธุรกิจ (BEC): ผู้โจมตีจะใช้หรือแฮ็กอีเมลขององค์กรเพื่อปลอมตัวเป็นผู้บริหารหรือพาร์ทเนอร์
		         และหลอกลวงพนักงานให้โอนเงินหรือให้ข้อมูลสำคัญ
	
		     3. มัลแวร์ (Malware): มักจะเข้าสู่ระบบผ่านการกระทำของมนุษย์ เช่น การคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายหรือดาวน์โหลดไฟล์แนบจาก
		         อีเมลฟิชชิง
	
		     4. ซอฟต์แวร์ที่ไม่ถูกอัปเดต: ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตเพื่อเข้าถึงและควบคุมระบบและข้อมูล
	
		     5. ข้อมูลประจำตัวที่อ่อนแอหรือถูกขโมย: ผู้โจมตีมักจะได้รับข้อมูลประจำตัวผ่านการโจมตีฟิชชิงหรือใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอ
	
		     6. การขโมยหรือการสูญเสียอุปกรณ์: อุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมย เช่น แล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟน อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูล                หรือเครือข่ายขององค์กรได้
	
		     7. การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle: ผู้โจมตีดักฟังการสื่อสารระหว่างสองฝ่ายเพื่อขโมยหรือแก้ไขข้อมูล
	
		     8. การโจมตี DDoS: มักใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีเนื่องจากความผิดพลาดของมนุษย์
	
		     9. ภัยคุกคามจากภายใน: พนักงานที่ไม่พอใจหรือมีเจตนาร้ายสามารถใช้การเข้าถึงข้อมูลเพื่อก่อวินาศกรรมหรือขโมยข้อมูล
	
		    10. การละเมิดความปลอดภัยทางกายภาพ: ความปลอดภัยทางกายภาพที่ไม่เพียงพออาจนำไปสู่การเข้าถึงพื้นที่ที่มีข้อมูลสำคัญ
		 
	
		 
	
		Human Firewall มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรหลายประการ:
	
		- 
			แนวป้องกันแรก: พนักงานที่ได้รับการฝึกฝนเป็น Human Firewall จะทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันแรกต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์
- 
			จัดการกับปัจจัยมนุษย์: Human Firewall ช่วยจัดการทั้งช่องโหว่ทางเทคโนโลยีและจิตวิทยาโดยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย
- 
			เสริมการป้องกันทางเทคโนโลยี: Human Firewall เป็นส่วนเสริมสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามที่อาจเล็ดลอดผ่านช่องโหว่ทางเทคนิค
- 
			ลดเวลาการตอบสนองต่อเหตุการณ์: พนักงานที่ได้รับการฝึกฝนสามารถระบุและรายงานเหตุการณ์ความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว
- 
			สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: การมีส่วนร่วมของพนักงานในเรื่องความปลอดภัยช่วยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร
- 
			การปฏิบัติตามกฎระเบียบ: Human Firewall ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานด้านความปลอดภัย
		Human Firewall ที่มีประสิทธิภาพมีลักษณะทางจิตวิทยาและคุณสมบัติที่สำคัญหลายประการ เช่น:
	
		- 
			ระมัดระวัง: ตระหนักถึงความเสี่ยงจากการร้องขอที่ไม่คาดคิด
- 
			มีความรู้และตื่นตัว: เข้าใจนโยบายความปลอดภัยและติดตามภัยคุกคามใหม่ๆ
- 
			เปิดรับการเรียนรู้: ไม่กลัวที่จะขอคำแนะนำเมื่อไม่แน่ใจ
- 
			รับผิดชอบร่วมกัน: รายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยอย่างรวดเร็ว
- 
			ใส่ใจในรายละเอียด: สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กน้อย
- 
			ปฏิบัติอย่างรอบคอบ: พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนคลิกลิงก์หรือไฟล์แนบ
- 
			มีความตื่นตัว: มีความรู้สึกถึงบริบทและสังเกตเห็นสิ่งที่น่าสงสัย
- 
			ควบคุมการเข้าถึง: เคารพการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญและปกป้องข้อมูลจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- 
			ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด: ปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
		การสร้าง Human Firewall ที่มีความยืดหยุ่นประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น:
	
		- 
			สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: ยกระดับความปลอดภัยเป็นค่านิยมหลักขององค์กร
- 
			ให้การฝึกอบรมที่น่าสนใจ: จัดการฝึกอบรมความปลอดภัยที่เหมาะสมกับบทบาทต่างๆ ในองค์กร
- 
			ส่งเสริมการสื่อสารเปิดกว้าง: สร้างบรรยากาศที่พนักงานสามารถรายงานพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างอิสระ
- 
			ตื่นตัวและยืดหยุ่น: อัปเดตโปรโตคอลตามภัยคุกคามใหม่ๆ
- 
			ให้รางวัลการมีส่วนร่วม: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัยผ่านโปรแกรมการยอมรับและสิ่งจูงใจ
- 
			เสริมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับภัยคุกคามอัตโนมัติและการจำลองฟิชชิง
		 
	
		การสร้าง Human Firewall ที่มีประสิทธิภาพเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการลงทุนจากทั้งองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความตระหนักรู้
		ด้านความปลอดภัยของพนักงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
	
		 
	
		องค์กรควรมีการประเมินและปรับปรุงโปรแกรม Human Firewall อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงมีประสิทธิภาพในการรับมือกับ
		ภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายความปลอดภัย เพื่อสร้าง
		ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบร่วมกันในการรักษาความปลอดภัยขององค์กร
		 
	
	
		 
	
		การสร้าง Human Firewall ที่แข็งแกร่งไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจด้วย องค์กรที่มีวัฒนธรรมความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมักจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นและความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น
	
		 
	
		ในท้ายที่สุด การสร้าง Human Firewall ที่มีประสิทธิภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับองค์กรทุกขนาด ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ แต่ยังช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อองค์กรในระยะยาวทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
		 
	
		
			หากลูกค้าที่มีความสนใจ Proofpoint สามารถติดต่อได้ที่
		
			บริษัท ซอฟท์เดบู จำกัด (Soft De’but Co., Ltd.)