องค์กรธุรกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกเหนือจากการโจมตีจากแฮกเกอร์ภายนอกแล้ว ภัยคุกคามที่เกิดจากภายในองค์กรเองกลายเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเสียหายมหาศาล
		 
	
		Insider Threat หรือภัยคุกคามภายในองค์กร คือความเสี่ยงที่เกิดจากพนักงานหรือบุคคลที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและระบบสำคัญ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ไม่ว่าจะเป็นการขโมยข้อมูลลับทางการค้า การทำลายระบบสำคัญ หรือแม้แต่การรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าโดยความประมาท
	
 
	
		จากรายงานของ Ponemon Institute ในปี 2020 พบว่า 60% ขององค์กรเคยเผชิญกับเหตุการณ์ภัยคุกคามภายใน โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการจัดการสูงถึง 11.45 ล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ 63% ของเหตุการณ์เกิดจากความไม่ตั้งใจของพนักงาน เช่น การส่งข้อมูลสำคัญผิดที่หรือการตั้งค่าความปลอดภัยที่ไม่เหมาะสม
		 
	
		ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ รายงานจาก Verizon ในปี 2021 ระบุว่า 22% ของการละเมิดข้อมูลทั้งหมดมีสาเหตุมาจากภัยคุกคามภายในองค์กร และโดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาถึง 77 วันกว่าจะตรวจพบและตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านี้ได้
 
	Proofpoint ทางออกสำหรับการป้องกันภัยคุกคามภายใน
	ในสถานการณ์เช่นนี้ Proofpoint นำเสนอโซลูชัน Insider Threat Protection ที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับและป้องกันการกระทำที่เป็นภัยคุกคามจากภายในองค์กรโดยเฉพาะ โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานและข้อมูลเชิงลึก
	- 
		การตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้งาน
 Proofpoint ใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของพนักงานทุกคน เช่น การเข้าถึงข้อมูล การดาวน์โหลด และการส่งข้อมูลออกนอกองค์กร หากพบพฤติกรรมที่ผิดปกติ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบทันที
- 
		การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
 Proofpoint ไม่เพียงแค่ดูพฤติกรรมผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อระบุภัยคุกคามที่แฝงตัวอยู่ เช่น การตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลที่ผิดปกติ การดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมากในเวลาสั้นๆ หรือการส่งข้อมูลไปยังแหล่งที่ไม่ได้รับอนุญาต
- 
		การตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบทันท่วงที
 เมื่อตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย Proofpoint สามารถตอบสนองได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกการเข้าถึงข้อมูล การล็อกบัญชีผู้ใช้งาน หรือการแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบ ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลและการถูกโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
	ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
	การใช้ Proofpoint Insider Threat Protection ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ดังเห็นได้จากกรณีศึกษาของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งที่สามารถลดเหตุการณ์ภัยคุกคามภายในได้ถึง 35% ภายในปีแรกของการใช้งาน และยังลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกับภัยคุกคามได้ถึง 40%
	นอกจากนี้ การลงทุนใน Proofpoint ยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในหลายด้าน
	- 
		ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการภัยคุกคาม การตรวจจับและตอบสนองที่รวดเร็วช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
- 
		เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ
- 
		เสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ลูกค้าและผู้ถือหุ้นจะรู้สึกมั่นใจในความสามารถขององค์กรในการปกป้องข้อมูลสำคัญ
- 
		ป้องกันการสูญเสียทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมข้อมูลหรือการทำลายข้อมูลสำคัญที่อาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินมหาศาล
	การทำงานของ Proofpoint Insider Threat Protection กับระบบอื่น ๆ
	Proofpoint Insider Threat Protection ไม่ได้ทำงานแบบแยกส่วน แต่สามารถบูรณาการเข้ากับระบบและเครื่องมืออื่น ๆ ในองค์กรได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยและการจัดการภัยคุกคามภายในองค์กรได้อย่างครอบคลุม ต่อไปนี้คือวิธีการและตัวอย่างของการบูรณาการ Proofpoint กับระบบอื่น ๆ
	 
	- 
		
			การบูรณาการกับระบบจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย (SIEM)Proofpoint สามารถส่งข้อมูลและการแจ้งเตือนไปยังระบบ SIEM เช่น Splunk, IBM QRadar หรือ ArcSight ได้ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็นภาพรวมของภัยคุกคามทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรในที่เดียว
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 เมื่อ Proofpoint ตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย เช่น การดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมากผิดปกติ ข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยัง SIEM ทันที ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์นี้ร่วมกับข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
	
	- 
		
			การเชื่อมต่อกับระบบจัดการตัวตนและการเข้าถึง (IAM)Proofpoint สามารถทำงานร่วมกับระบบ IAM เช่น Okta, Microsoft Azure AD หรือ OneLogin เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและระบบต่าง ๆ ตามระดับความเสี่ยงที่ตรวจพบ
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 หาก Proofpoint ตรวจพบว่าบัญชีผู้ใช้มีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ระบบสามารถส่งคำสั่งไปยัง IAM ให้เพิ่มข้อกำหนดในการยืนยันตัวตน เช่น การใช้ Multi-Factor Authentication (MFA) หรือจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงบางส่วนโดยอัตโนมัติ
	
	- 
		
			การทำงานร่วมกับระบบป้องกันการสูญหายของข้อมูล (DLP)Proofpoint สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระบบ DLP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 เมื่อ Proofpoint ระบุว่าพนักงานคนหนึ่งมีความเสี่ยงสูง (เช่น กำลังจะลาออก) ข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยังระบบ DLP เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการส่งข้อมูลออกนอกองค์กรของพนักงานคนนั้นโดยเฉพาะ
	
	- 
		
			การเชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติและออร์เคสเตรชันProofpoint สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือออร์เคสเตรชันและระบบอัตโนมัติ เช่น Palo Alto Networks Cortex XSOAR หรือ Splunk Phantom เพื่อสร้างกระบวนการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 เมื่อ Proofpoint ตรวจพบการพยายามส่งข้อมูลลับออกนอกองค์กร ระบบสามารถทริกเกอร์ให้เกิดการตอบสนองอัตโนมัติ เช่น การบล็อกการส่งข้อมูล การล็อกบัญชีผู้ใช้ชั่วคราว และการแจ้งเตือนทีมรักษาความปลอดภัยผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ
	
	- 
		
			การบูรณาการกับแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลProofpoint สามารถส่งข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น Tableau หรือ Power BI เพื่อสร้างรายงานและแดชบอร์ดที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและแนวโน้มของภัยคุกคามภายในองค์กร
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 ผู้บริหารสามารถดูแดชบอร์ดที่แสดงภาพรวมของความเสี่ยงด้านภัยคุกคามภายในองค์กร แนวโน้มของพฤติกรรมที่น่าสงสัย และประสิทธิภาพของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้อยู่
	
	- 
		
			การเชื่อมต่อกับระบบการจัดการกรณี (Case Management)Proofpoint สามารถส่งข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าสงสัยไปยังระบบการจัดการกรณี เช่น ServiceNow หรือ Jira เพื่อสร้างและติดตามกรณีการสืบสวนได้อย่างเป็นระบบ
 
 ตัวอย่างการใช้งาน
 เมื่อตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย Proofpoint จะสร้างกรณีใหม่ในระบบ Case Management โดยอัตโนมัติ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถติดตามและจัดการกับเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
	
 
	
	การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Proofpoint Insider Threat Protection ไม่ใช่เพียงค่าใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว ลองมาดูผลตอบแทนที่องค์กรสามารถคาดหวังได้จากการลงทุนในโซลูชันนี้
	- 
		การประหยัดค่าใช้จ่ายจากการป้องกันความเสียหาย
		
			- 
				ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกับเหตุการณ์ละเมิดข้อมูล: การป้องกันภัยคุกคามภายในช่วยลดโอกาสเกิดการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 3.86 ล้านดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ (ตามรายงานของ IBM Cost of a Data Breach Report 2020)
- 
				ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการสืบสวน: การตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ช่วยลดระยะเวลาในการสืบสวนเหตุการณ์ จากเดิมที่อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน
- 
				ลดค่าปรับจากการละเมิดกฎระเบียบ: การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลช่วยลดความเสี่ยงในการถูกปรับเงินจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ค่าปรับจาก GDPR ที่อาจสูงถึง 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของรายได้ทั่วโลก
 
- 
		การเพิ่มมูลค่าของแบรนด์
		
			- 
				เสริมสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า: การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อองค์กร ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของยอดขายและความภักดีต่อแบรนด์
- 
				เพิ่มมูลค่าหุ้น: บริษัทที่มีการจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ที่ดีมักได้รับการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้นจากนักลงทุน ตามการศึกษาของ Comparitech พบว่าบริษัทที่ประสบปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลมีราคาหุ้นลดลงเฉลี่ย 3.7% ในระยะยาว
- 
				สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: องค์กรที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีกว่า มักได้เปรียบในการเจรจาธุรกิจและการประมูลโครงการ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง
 
- 
		ผลตอบแทนที่วัดค่าเป็นตัวเลข
		
			- 
				อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่สูง: จากกรณีศึกษาของ Forrester Consulting พบว่าองค์กรที่ใช้ Proofpoint Insider Threat Protection มี ROI สูงถึง 191% ภายในระยะเวลา 3 ปี
- 
				ระยะเวลาคืนทุนสั้น: องค์กรส่วนใหญ่สามารถคืนทุนจากการลงทุนใน Proofpoint ภายในระยะเวลาเพียง 6-12 เดือน
- 
				ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น: การลดความเสี่ยงและเวลาที่ต้องใช้ในการจัดการกับภัยคุกคามช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีม IT และความปลอดภัยได้ถึง 25-30%
 
- 
		ผลตอบแทนที่ไม่สามารถวัดค่าเป็นตัวเลข
		
			- 
				ความสบายใจของผู้บริหาร: การรู้ว่าองค์กรมีระบบป้องกันภัยคุกคามภายในที่แข็งแกร่งช่วยลดความกังวลของผู้บริหารเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
- 
				วัฒนธรรมความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง: การใช้ Proofpoint ช่วยสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับ นำไปสู่วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
 
	
	
		
		ในยุคที่ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ การปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามภายในไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นความจำเป็น Proofpoint Insider Threat Protection นำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพในการตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองต่อภัยคุกคามภายในองค์กร ด้วยการใช้เทคโนโลยี Machine Learning และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก Proofpoint ไม่เพียงแต่ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากภายในองค์กรเอง
	
		
		ในโลกที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การลงทุนในระบบป้องกันภัยคุกคามภายในอย่าง Proofpoint จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของคุณก้าวล้ำนำหน้าภัยคุกคาม และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
	หากลูกค้าที่มีความสนใจ Proofpoint สามารถติดต่อได้ที่
	บริษัท ซอฟท์เดบู จำกัด (Soft De’but Co., Ltd.)